The Godfather Part III
Part III บทสรุปของสัจธรรม
เมื่อวันเวลาผันผ่าน สังขารย่อมร่วงโรยไปตามกาล จิตใจที่เคยแกร่งย่อมล้าอ่อนแรง
สิ่งที่โหยหากลับมิใช่ศักดิ์ศรี อำนาจวาสนา ทรัพย์สินเงินทอง เพื่อกันตัวเองไม่ให้ตก
เป็นทาสของคนร่ำรวยกลุ่มอื่น อย่างที่ผ่านมา แต่สิ่งที่อยากจะได้ซึ่งสัมผัสแม้เพียงน้อยนิด นั่นคือความรักความอบอุ่นเยี่ยงคนชราทั่วไป คิดจะวางมือแต่ก็มาไกลเกินกว่าที่จะหวน
กลับไปยังจุดเริ่มต้น และสิ่งนี้กลับย้อนเข้ามาหาตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนยิ่งอยากจะเดินไปตามทางที่เป็นเส้นตรง กลับยิ่งต้องคดงอ
ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา
หมอกจางตาฟ้าร่วมกันท้าทาย
ขุนเขายิ่งใหญ่....ทางเดินห่างลับไกล
บุกเดินไปไม่เคยหวั่น
เขาสูงล้ำค้ำฟ้าตระหง่าน
เหล่าภัยพาลคืบคลานเป็นเงา
ยิ่งสูงยิ่งหนาวยอดเขายิ่งห่าง
อยู่บนทางนึกหวั่นนึกพรั่น...ความหนาว
เปรียบคนเราเหมือนดังขึ้นภูเขา
ฝ่าไปเอาหมายตัวเราก้าวไกล
สูงๆขึ้นไป...ใครจะอยู่ข้างเรา
กิเลสยุเย้าให้ปีนป่าย
ไร้มิตรแท้ถึงแม้ยิ่งใหญ่
ใหญ่เกินไปไม่มีใครเอา
ยิ่งสูงยิ่งหนาวยิ่งเหงายิ่งห่าง
อยู่บนทางนึกหวั่นนึกพรั่น....ความหนาว
ตราบาปที่ได้สร้างเอาไว้เริ่มปรากฎตัวกลับมาทวงเอาความยุติธรรมกับGodfather พวกมันไล่กวดเขาเหมือนกับสุนัขล่าเนื้อที่ได้กลิ่นอันโอชะของเหยี่อ ยามที่ไมเคิล อ่อนแอ โรคร้ายรุมเร้า ภาพความทรงจำเดิมๆ เมื่อครั้งกาลก่อนยิ่งทำให้เขาเจ็บปวด ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ต่อเมื่อรู้ว่าที่ผ่านมาได้ทรยศต่อความคิด ทรยศต่อใจของตัวเอง จึงขอแค่โอกาสให้แก้ไขสิ่งที่ทำผิด ขอแค่อีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และขอเดิมพันคำสาบานนี้ด้วยชีวิต
ทุกสิ่งเหมือนเป็นวัฎจักรที่หมุนวน ทุกอย่างเมื่อมีขึ้นก็ย่อมมีลง ดาวดวงใหม่กำลังเริ่มทอแสงทีละนิด งำประกายอันแรงกล้ารอคอยเวลาฉายแสงท้าทายความมืดมิดแห่งท้องฟ้า คำว่า " อำนาจ " ช่างดูน่าพิศมัยและมีเสน่ห์เย้ายวนเสียนี่กระไร แต่หาได้ล่วงรู้ไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายนั้นจะเป็นอย่างไร
บาปที่ไม่เปิดโอกาสให้ไถ่ถอน เฝ้าคอยหลอกหลอนยามหลับและยามตื่น หรือจะเป็นวิถีที่ถูกทวงคืน หรือต้องขมขื่นตราบนานแสนนาน
จะไขว่คว้ากับอะไรกันหนักหนา
ได้อะไรกลับคืนมาให้บ้างหนอ
ท้ายที่สุดความตายไม่รั้งรอ
เหลือแค่ใจที่ทดท้อและอ่อนแรง
****************************************************************
หนังภาคต่อภาคสุดท้ายนี้เป็นบทสรุปสุดท้ายของ ไมเคิล อาจจะมีหลายต่อหลายคนวิจารณ์ว่าในภาคนี้ดูด้อยลง เทียบไม่ได้กับสองภาคที่ผ่านมา แต่ผู้เขียนกลับมีความเห็นว่า ภาคนี้ได้เหมือนกับจิ๊กซอตัวสุดท้ายที่จะทำให้ภาพที่เราเฝ้าเพียรต่อนั้นสำเร็จลงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เราจะได้เห็นความคิดที่เปลี่ยนแปลงไปของ ไมเคิล ความสำนึกผิดแห่งบาป เราจะได้เห็นความจริงที่ว่า ไฟนั้นร้อนยิ่งนัก แต่มักจะมีหลายต่อหลายคนเต็มใจที่จะเดินลุยเข้าไป ถ้านั่นจะทำให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า สนองกิเลส ตัณหา ที่มีอยู่ภายในใจได้อย่างมหาศาล และเราจะได้ฉากจบที่ถ่ายทอดออกมา
ได้อย่างน่าเศร้า สะเทือนใจ และนั่นเป็นฉากที่ผู้เขียนประทับใจมากที่สุด
Al Pacino แทบจะทุกฉากดูเหมือนเขาต้องใช้พลังงานเยอะมาก และก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาทำได้ดีตามมาตรฐานเหมือนเดิม
สิ่งสุดท้ายที่หนังภาคสุดท้ายนี้ได้ฝากเอาไว้ในใจของผู้ชม คือ บาปกรรมนั้นมีอยู่จริง และมันก็เป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างเหลือเกิน
The Godfather Part II
Part II ย้อนรอยแห่งความยิ่งใหญ่....และยุคเรืองอำนาจ
เด็กชาย วีโต้ คอลิโอเน่ วัยเพียง 9 ขวบ ต้องร่อนเร่พเนจรเข้ามาสู่นครนิวยอร์คโดยลำพัง หลังจากที่ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนจากการไล่ล่าของเจ้าพ่อท้องถิ่นแห่งชิชิลี ทั้งพ่อ แม่ และพี่ชายต้องจบชีวิตลงเพียงเพราะอุดมการณ์ที่ขัดแย้ง โลกใบใหม่แห่งนี้ช่างดูกว้างใหญ่ไพศาลนัก จึงต้องอาศัยความเข้มแข็งแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นจึงจะอยู่รอดได้และโชคชะตาได้ลิขิตเอาไว้แล้วว่า เขาเกิดมาเพื่อเป็น " Godfather "
เมื่อโดนข่มเหงข่มขู่และถูกเอาเปรียบ ทางแก้ไขปัญหาก็คือหยิบยื่นข้อเสนอที่ปฎิเสธไม่ได้ ถ้าคิดที่จะปฎิเสธวิญญานของคนผู้นั้นคงต้องออกจากร่างอย่างแน่นอน
ขอเพียงกระทำการโดยรอบคอบ ชีวิตจะไม่มีวันจมสู่ดิน ขอเพียงมีอำนาจ โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะแคบและเล็กลง
ฉันกลับมาแล้ว...กลับมาอย่างภาคภูมิ
ฉันกลับมาแล้ว...กลับมาทวงถามความหลัง
ฉันกลับมาแล้ว...กลับมาอย่างเคียดแค้นชิงชัง
ฉันกลับมาแล้ว...กลับมาฝังความอาดูร
ในวัยที่ใกล้เคียงกัน ไมเคิล คอลิโอเน่ มีฐานกำลังที่เข้มแข็งยิ่งนัก แต่ความร้าวฉานที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบระหว่างเขาและเคย์ได้เดินมาจนถึงจุดวิกฤติ หรือชีวิตของเขาจะต้องพบกับความเดียวดาย เพื่อแลกกับความยิ่งใหญ่ ทิฐิและตาอันมืดบอดหลงใหลอยู่ในอำนาจที่ดูเหมือนจะต้องการไม่รู้จบสิ้น
ลืมแม้กระทั่งความผูกพันของสายเลือด ขอเพียงผู้นั้นกระทำการทรยศหักหลัง จะไม่ยอมเก็บมันไว้และจะไม่ยอมหายใจอากาศเดียวกัน
ความตายนับไม่ถ้วน ที่ Godfather หยิบยื่นให้ล้วนแล้วแต่เป็นเสี้ยนหนามที่คอยขวางทางสู่ความยิ่งใหญ่ ผู้ที่ฉลาดกว่าเท่านั้นจึงจะสามารถอยู่รอดได้ แต่อำนาจที่มีก็ไม่อาจทดแทนและช่วยลดความอ้างว้างที่เริ่มเกาะกินใจจนเกิดเป็นแผลฉกรรจ์ลงได้เลย
********************************************************************
ในภาคนี้ Fransis ใช้วิธีการดำเนินเรื่องแบบย้อนกลับไปให้เห็นถึงเส้นทางเดินของ Godfather คนละยุคสมัยในช่วงอายุที่ไล่เลี่ยกันระหว่าง วีโต้ และ ไมเคิล เพื่อตอกย้ำความคล้ายคลึงกันในการตัดสินใจ นิสัยที่เด็ดเดี่ยวใจถึง ฉลาด สุขุมและรอบคอบ อันเป็นคุณสมบัติของผู้ที่ก้าวเข้ามาใช้ชีวิตแบบมาเฟีย
เราจะได้เห็นความเป็น Fransis ที่ชัดเจนขึ้น ภาคนี้จะรู้สึกได้ว่าเหมือนได้นั่งดูชีวประวัติของคนๆหนึ่ง ซึ่งฟ่าฟันอุปสรรคเพื่อกรุยทางสู่ความยิ่งใหญ่ได้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละคร การที่ Fransis เลือก โรเบิรต เดอ นีโร มารับบทของ แบรนโดในตอนหนุ่ม เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและยอดเยี่ยม เพราะ เดอ นีโร ทำให้เราเชื่อจริงๆว่าเขาคือ วีโต้ คอลิโอเน่ ซึ่งถ้าเราย้อนกลับไปดูในภาคแรก ทั้งบุคลิกและสีหน้าท่าทางของ เดอ นีโร ล้วนสอดคล้องกับ แบรนโด อย่างแนบเนียน ส่วนอัล ปาชิโน แสดงออกทางแววตาได้ลุ่มลึก มีหลายต่อหลายฉากที่สะกดใจผู้เขียนแบบอยู่หมัด และสิ่งที่ลืมไม่ได้คือจังหวะของธีมที่ใส่ลงไปในหนัง ช่างกลมกลืนและทำให้หนังเข้าขั้นคลาสสิคไปอย่างไม่มีข้อกังขา
ผู้เขียนชอบเป็นพิเศษสำหรับช่วงเวลาของ ดอน วีโต้ เนื่องจากเป็นยุคที่เขาได้บุกเบิกฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆด้วยความสามารถเฉพาะตัว ลึกๆแล้วเขาดูเป็นคนที่มีพื้นฐานทางจิตใจดี เพียงแต่เขาตัดสินใจเลือกวิธีการแก้ไขปัญหาในทางที่ผิด และได้ทำให้ก้าวเข้าไปสู่วังวนของผู้กระทำผิดกฎหมาย และเป็นจุดเริ่มต้นของ Godfather โดยแท้
The Godfather Part 1
Part I ปฐมบทแห่งตำนาน
เบื้องหน้าของเขาคือชายสูงวัยผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งเป็นเสาหลักของตระกูล คอลิโอเน่ ภายใต้สายตาที่เย็นชาคงไว้ซึ่งความสุขุมรอบคอบ วิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆได้เฉียบคมลึกซึ้งและทันเกมส์ ผู้ซึ่งรักครอบครัวพวกพ้องเหนือสิ่งอื่นใด ทุกผู้คนที่มีเรื่องเดือดร้อนต่างล้วนอยากเข้ามาขอรับการช่วยเหลือ ผู้ซึ่งได้รับการยอมรับภักดีจากผู้คนรอบข้าง....ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่า
" Godfather "
นับเป็นเวลาหลาย10 ปี ที่ ดอน วีโต้ คอลิโอเน่ ดำเนินธุรกิจในเงามืดประหนึ่งมัจจุราชเหนือความตายทั้งปวง มีนักการเมืองและนักกฎหมายมากมายหนุนหลัง มันเป็นช่วงเวลาที่ตระกูลคอลิโอเน่ มั่นคงมั่งคั่งและสมบูรณ์แบบถึงขีดสุด อีกทั้งลูกชาย 3 คน ทอม , ซันนี่ , เฟรโด้ ช่วยแบ่งเบาภาระไปได้หลายส่วน จะมีก็แต่ไมเคิล ลูกชายคนสุดท้องเท่านั้นที่ไม่ข้องเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัว ซึ่ง ดอน เองก็ไม่ปรารถนาให้เขาเข้ามาพัวพันยุ่งเกี่ยวกับมัน
เมื่อธุรกิจแบบใหม่เข้ามาเสนอทางเลือกที่จะทำเงินได้มหาศาล เปรียบเสมือนน้ำในบ่อ ทุกคนมีสิทธิ์ดื่มกินยามกระหาย แต่แล้วเมื่อใครคนหนึ่งไม่ยอมเปิดทาง เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัวเช่นนี้แล้วคงหลีกเลี่ยงคำว่า เลือด ความตายและหายนะไปไม่พ้น ศึกใหญ่หลวงรอบทิศทางกำลังคืบคลานและรอคอยโอกาสที่จะโค่นขุมกำลังของ Godfather ฝ่ายไหนลงมือได้เร็วและเฉียบคมกว่าฝ่ายนั้นย่อมเป็นต่อ
เมื่อกำลังสำคัญครึ่งหนึ่งของธุรกิจล้าแรง มันเป็นวิกฤติที่คนในตระกูลคอลิโอเน่ตั้งตัวแทบไม่ทัน สถานการณ์เริ่มเข้าตาจน เครดิตที่มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับอำนาจหลายสายที่ดูเหมือนจะตอกย้ำความเป็นผู้ชนะในเกมส์ในครั้งนี้
ใครเลยจะคาดคิดว่า ไมเคิล จะใจถึงวางแผนดับต้นตอของไฟที่กำลังเผาไหม้อย่างร้อนแรง หรือนี่เป็นสัญญาณบ่งบอกอะไรบางอย่างในภายหน้า
ยามนี้ ดอน หมดสิ้นเรี่ยวแรงด้วยร่างกายที่อ่อนล้าเสื่อมถอย ใช้ชีวิตเยี่ยงชายชราธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อซันนี่ลูกชายคนโตได้จากไป จึงเหลือเพียงไมเคิลคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการรักษากิจการของครอบครัว
ให้ดำเนินต่อไป....โชคชะตาขีดเส้นเอาไว้แล้ว ยากที่ผู้ใดจะหลีกเลี่ยงได้
ฤาจะเป็นแต่เพียงหน้าที่
ฤาจะเป็นเพราะโชคชะตา
มิใช่อยากจะไขว่คว้า
เป็นฟ้ากำหนดเส้นทาง
ผู้ใดขวางทาง
ผู้ใดทรยศ
ผู้นั้นสมควรพบจุดจบ....โดยเร็ว
ดาวดวงใหม่เริ่มเปล่งประกายฉายแวว กลบรัศมีดาวดวงเก่าที่กำลังลาลับจากขอบฟ้า เงามัจจุราชเริ่มทาบทับทายาทคนใหม่....นั่นคือเงาของ " Godfather "
***************************************************************************
ครั้งแรกเมื่อมีความคิดที่จะหยิบเอาหนังขึ้นหิ้งเรื่องนี้มาดูในรูปแบบวีซีดี เพียงฉากเริ่มเรื่องก็ได้ใจผู้เขียนชนิดที่เรียกได้ว่า เข้าไปจับจองเป็นหนังสุดโปรดอีกเรื่องหนึ่ง ไม่บ่อยครั้งนักที่หนังแนวมาเฟียจะโดนใจผู้เขียนได้ถึงขนาดที่นำกลับมาดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย โทนสีของหนังเป็นสิ่งที่ช่วยให้ดูขลังและมีมนต์เสน่ห์จนยากจะเจียระไนได้หมดทุกบททุกตอน
สำหรับภาคแรกนี้คงต้องยกเครดิตอันสุดยอดให้แก่การแสดงของ Maron Brando เขาได้สะกดและทำให้ผู้ชมเข้าใจอารมณ์โดยรวมของหนังได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งถ่ายทอดบุคลิกของผู้ที่ทรงอิทธิพล ผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือได้เนียนเหลือเกิน คงไม่มีใครจะสามารถลืมเลือนฉากแรกที่ Brando นั่งอยู่ที่เก้าอี้และสองมือได้โอบอุ้มลูกแมวอย่างทะนุถนอม น้ำเสียงแหบพร่า มีเพียงแววตาที่คมกริบและชาญฉลาดเท่านั้นที่บ่งบอกว่าชายคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
ส่วนหนุ่มโนเนมที่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะสามารถเล่นบทบาทที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า Brando ได้ พร้อมกับเสียงปรามาสในตอนแรกว่าไม่เหมาะสม สุดท้ายแล้ว Al Pacino ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขาทำได้ และสอบผ่านฉลุยกับบท ไมเคิล ลูกชายคนสุดท้องของตระกูลคอลิโอเน่
ฉากรุนแรงมีให้เห็นอยู่มากมาย แต่มิใช่เป็นการรบราฆ่าฟันกันแบบบู๊ล้างผลาญ หากเป็นไปอย่างนุ่มนวลไม่โฉ่งฉ่างแฝงความคลาสสิคอยู่ในที
The Godfather I, pt. 1
The Godfather I pt. 2
The Godfather I pt.3
The Godfather I - Part 7
เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ
เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ | |||||||
บทวิจารณ์ เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ | |||||||
เรื่องย่อ เรื่องราวความฮาก็เริ่มเกิดขึ้นเมื่อ เหยิน(จตุรงค์ ม๊กจ๊ก) ชายขับรถสองแถวในตลาด อยากรวย จึง เข้าแก๊งค์มาเฟีย เลยชวนเพื่อนรัก เหล่ (โก๊ะตี๋ อารมณ์บอย) เข้าร่วมด้วยความที่เหล่ ตาเหล่า ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น แต่ทั้ง 2 ให้สัญญาว่า ถ้าเหยินตายเหยินจะมอบฟันให้เหล่ ถ้าเหล่ตายเหล่จะมอบตาให้เหยิน |
Three Cripples เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ 1/9
Three Cripples เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ 2/9
Three Cripples เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ 3/9
Three Cripples เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ 4/9
Three Cripples เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ 5/9
Three Cripples เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ 6/9
Three Cripples เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ 7/9
Three Cripples เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ 8/9
Three Cripples เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ 9/9 end